สานฝัน ‘น้องยุ้ย’

สานฝัน ‘น้องยุ้ย’ สานฝัน ‘น้องยุ้ย’ สานฝัน ‘น้องยุ้ย’ สานฝัน ‘น้องยุ้ย’ สานฝัน ‘น้องยุ้ย’ สานฝัน ‘น้องยุ้ย’ สานฝัน ‘น้องยุ้ย’ สานฝัน ‘น้องยุ้ย’

“หนูอยากได้หนังสือท่าน ว. วชิรเมธี และ หลวงพ่อไพศาลไว้อ่านค่ะ”
3 พฤศจิกายน 2553

เป็นความฝันที่ดูธรรมดาๆ ไหมคะ สำหรับการอยากได้หนังสือไว้สำหรับอ่านเวลาพักรักษาตัว แต่ความไม่ธรรมดาของความฝันนี้อยู่ที่เจ้าของความฝันเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ วัย 14 ปี ที่ชื่อ น้องยุ้ยค่ะ

เมื่อทางมูลนิธิฯ ได้รับข้อมูลของน้องยุ้ยจากพี่เกด ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานของ รพ. ศรีนครินทร์ขอนแก่น พี่เกดบอกว่าน้องยุ้ยมีความฝันที่อยากจะได้หนังสือธรรมะไว้อ่าน เพราะน้องมีความสนใจในเรื่องธรรมะมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะพระอาจารย์ทั้งสองท่านที่กล่าวมา

เมื่อเราได้มาคิดวิเคราะห์กันถึงประเด็นการสานฝันในครั้งนี้ เราจึงได้ข้อสรุปว่า เราจะใส่ภาคขยายลงในความฝันของน้องยุ้ย เพื่อให้น้องยุ้ยได้หนังสือที่น้องอยากได้เอาไว้อ่าน ผ่านการส่งมอบด้วยมือของพระอาจารย์ทั้งสองท่านซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือเหล่านั้นด้วยตนเอง
เราได้แบ่งสายงานกันติดต่อพระอาจารย์ทั้งสองท่านตามเครือข่ายอาสาสมัครที่มี โดยมีคุณสุ้ยเป็นผู้ประสานงานทางด้านหลวงพ่อไพศาล และคุณเตือนใจเป็นผู้ประสานงานทางด้านท่าน ว.วชิรเมธี

ในที่สุดเราก็ได้วันที่เหมาะสมในการพาน้องไปกราบนมัสการพระอาจารย์ทั้งสองท่าน
ทีมงานได้ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ในเช้าของวันที่ 2 พ.ย. โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ จ. ขอนแก่น และน้องยุ้ยจะออกเดินทางจากบ้านที่ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อมาพบกับเราในเวลา 9.00 น. ของวันที่ 3 พ.ย. ที่ รพ. ศรีนครินทร์ขอนแก่น

เมื่อเราได้พบหน้ากับน้องยุ้ยก็พบว่า เจ้าตัวยิ้มแฉ่งรอรับเราอยู่แล้ว แหม...ข่าวรั่วนี่เองว่าวันนี้เราจะไปไหนกัน ตลอดระยะเวลาการเดินทางไปภูหลง น้องยุ้ยแทบจะไม่ทานอะไรเลย นอกจากยิ้ม ยิ้ม และยิ้ม แน่นอนค่ะ!! ทุกคนในรถก็พากันยิ้ม ยิ้ม และยิ้มไปกับน้องยุ้ยด้วยเช่นกัน

เมื่อมาถึงภูหลง เราทุกคนได้กราบนมัสการหลวงพ่อไพศาลที่ศาลาดิน ท่านมีเมตตากับพวกเราทุกคนมาก โดยเฉพาะกับน้องยุ้ย หลวงพ่อได้เตรียมหนังสือของท่านและจากนักเขียนอื่นๆ ไว้ให้น้องยุ้ยหลายสิบเล่ม และเมื่อท่านได้ทราบว่าน้องยุ้ยเป็นนักเขียนบันทึกตัวยง ท่านก็ได้มอบสมุดไดอารี่ให้น้องยุ้ยไว้บันทึกเรื่องราวต่างๆ อีกด้วยค่ะ หลังจากสนทนาธรรมกันไปจนได้เวลาบ่าย น้องยุ้ยและทีมงานก็ได้กราบนมัสการลาหลวงพ่อไพศาลเพื่อเดินทางกลับมา จ.ขอนแก่นค่ะ

ระหว่างนั่นรถกลับ จ.ขอนแก่น น้องยุ้ยก็นั่งยิ้มอย่างมีความสุข พร้อมกับเปิดหนังสือเล่มนั้นเล่มนี้ที่ได้รับจากหลวงพ่อไพศาลมาตลอดทางเลยค่ะ เราถามน้องยุ้ยว่าหิวไหม ยังไม่ได้ทานอะไรเลย น้องยุ้ยบอกว่าวันนี้มีความสุขมาก ไม่รู้สึกหิวเลยค่ะ

เรามาถึงสนามบินขอนแก่นในเวลาพลบค่ำ ยิ่งใกล้สนามบินน้องยุ้ยก็ยิ่งตื่นเต้นค่ะ ระหว่างที่เดินเข้าไปในสนามบิน เราแอบถามน้องยุ้ยว่าคิดไว้หรือยังว่า หากพบท่าน ว.วชิรเมธีแล้ว น้องยุ้ยจะถามอะไร น้องยุ้ยตอบเราว่า ‘ปากหนูสั่นหมดเลย พี่ดูสิ คำถามที่คิดไว้หนูก็ลืมหมดแล้ว ตื่นเต้นมากๆ เลย’

เราได้กราบนมัสการท่าน ว.วชิรเมธี ระหว่างที่ท่านรอขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ ท่านได้ให้แง่คิดหลายๆ อย่างให้น้องยุ้ยและทีมงานได้นำไปปฏิบัติ ท่านได้เตรียมหนังสือต่างๆ พร้อมลายเซ็นเพื่อมอบให้กับน้องยุ้ย นอกจากนี้ท่านยังได้ผูกข้อมือให้น้องยุ้ยเป็นกรณีพิเศษอีกด้วย ซึ่งน้องยุ้ยได้บอกกับเราในภายหลังว่า ‘หนูจะไม่มีวันถอดสายสิญจน์อันนี้ออกเป็นอันขาด นอกจากมันจะขาดไปเอง’

หลังจากกราบนมัสการลาท่าน ว.วชิรเมธีแล้ว เราจึงได้พาน้องยุ้ยไปส่งที่บ้านค่ะ ก่อนจากกันน้องยุ้ยได้บอกกับเราว่า

‘ขอขอบคุณทุกคนที่พาหนูไปพบพระอาจารย์ หนูมีความสุขมาก เวลาหนูไปรับยา หนูจะเอาหนังสือพวกนี้ไปอ่านด้วย ใครจะยืมอ่านก็ได้ แต่ต้องเอามาคืน’

แหม...เป็นของรักของหวงขนาดนี้ ใครยืมไปอ่านแล้วไม่เอามาคืนน้องยุ้ย ก็ใจร้ายน่าดูเลยนะคะ ^ ^

16 พ.ค. 2561, 15:42
3798